ศัลยกรรมผ่าตัดดึงหน้า ดึงคอ

ผ่าตัดดึงหน้า / ศัลยกรรมดึงหน้า (Facelift Surgery)

    ศัลยกรรมผ่าตัดดึงหน้า ดึงคอ (Facelift Surgery) เป็นการผ่าตัดแก้ไขใบหน้าที่หย่อนคล้อยอันเนื่องมาจากการเปลี่ยนแปลงตามวัยที่เพิ่มขึ้น มักเกิดการเปลี่ยนแปลงของมวลกระดูก กล้ามเนื้อ และความยืดหยุ่นบนใบหน้า กล้ามเนื้อ และผิวหนังที่หน้าผาก แก้ม กราม คาง และคอ ก็จะห้อยลงมา การผ่าตัดดึงหน้าจึงเป็นวิธีการที่ทำให้ใบหน้าดูสดใส เต่งตึง ดูอ่อนเยาว์ได้อีกครั้ง

ศัลยกรรมผ่าตัดดึงหน้า ดึงคอ ที่โรงพยาบาลศัลยกรรมตกแต่งกมล

          โรงพยาบาลศัลยกรรมตกแต่งกมลมีการผ่าตัดดึงหน้าหลายเทคนิค บางท่านอาจจะใช้เพียงเทคนิคเดียว หรือหลายเทคนิคร่วมกันเพื่อให้ได้ผลการผ่าตัดที่ดีที่สุด ดังนี้

  1. การผ่าตัดดึงโหนกแก้ม ร่องแก้ม แผลหน้าหู และบริเวณตาล่าง (Mini face lift and Mid face lift)
  2. ผ่าตัดดึงหน้าทั้งหมด (โหนกแก้ม ร่องแก้ม แนวกราม- คาง)  ด้วยแผลหน้าหู และ หลังหู เย็บชั้นกล้ามเนื้อ SMAS ให้ตึง (Full facelift)
  3. ผ่าตัดยกกระชับใบหน้าด้วย วัสดุสังเคราะห์  (Endotine Mid face lift)
  4.  ผ่าตัดยกกระชับคางห้อย ด้วยการเย็บกล้ามเนื้อใต้คาง (Neck lift / Neck Tuck)
  5. ผ่าตัดดึงคิ้ว (Forehead lift)
  6. ผ่าตัดเพิ่มความอูมอิ่ม (Fat transfer)

การเตรียมตัวก่อนผ่าตัด ดึงหน้า

          หลังจากปรึกษาแพทย์เพื่อตัดสินใจจะผ่าตัดแล้ว ต้องมีการเตรียมตัวดังนี้

  • การตรวจสุขภาพร่างกาย ผลการตรวจทุกอย่าง ประวัติการรักษาพยาบาล รวมถึงการตรวจสุขภาพของผู้ป่วยที่มีอายุมากกว่า 40 ปี ต้องตรวจคลื่นหัวใจ ตรวจ EKG  stress test. เพื่อความปลอดภัยของผู้ป่วยที่อายุมากกว่า 40 ปี ที่อาจจะมีโรคหัวใจ ความดัน ซึ่งจะมีผลต่อการดมยาสลบ
  • หยุดการสูบบุหรี่ อย่างน้อย 2 สัปดาห์
  • สระผมด้วยน้ำยาฆ่าเชื้อ
  • ความคาดหวังของผู้ป่วยก่อนผ่าตัดต้องคุยกับแพทย์ให้ชัดเจนถึงความต้องการของผลการผ่าตัดดึงหน้าเช่น  ผลของริ้วรอยหลังผ่าตัดดึงหน้า อาจจะมีใบหน้าซ้ายขวาไม่เท่ากันได้เนื่องจากไขมันที่เหลือบนใบหน้าอาจจะไม่เท่ากัน

เทคนิคและวิธีการที่ใช้ในการศัลยกรรมผ่าตัดดึงหน้า

         การผ่าตัดดึงหน้าต้องทำภายใต้การดมยาสลบ หรือ ยาชา แล้วทำให้ผู้ป่วยหลับด้วย (Sedation) การผ่าตัดจะใช้เวลาประมาณ 2-4 ชั่วโมง การศัลยกรรมผ่าตัดดึงหน้าที่โรงพยาบาลศัลยกรรมตกแต่งกมล มี 6 เทคนิคด้วยกัน แต่ในคนไข้บางคนอาจมีความจำเป็นต้องใช้หลายเทคนิคร่วมกัน เพื่อให้ได้ผลลัพธ์อย่างที่ต้องการ ดังนี้

1. การผ่าตัดดึงโหนกแก้ม- ร่องแก้ม (Mini facelift / Midface lift) 


เป็นการผ่าตัดเปิดแผลสองตำแหน่งคือที่ใต้ตาล่างและหน้าหู การเปิดแผลที่ตาล่างเพื่อดึงกล้ามเนื้อโหนกแก้ม การเปิดแผลที่หน้าหูตั้งแต่ขมับเหนือหูลงมาหน้าหู แล้วเลาะผิวหนังและเนื้อเยื่อเบริเวณหน้าหูและแก้ม เพื่อกระชับเนื้อเยื่อให้ตึง แล้วตัดผิวหนังส่วนเกินออกเย็บแผลให้เรียบร้อย เทคนิคนี้เหมาะกับผู้ที่มีร่องแก้มห้อย ย่อนคล้อยไม่มาก
 

 

ผ่าตัดดึงหน้า

รูปที่ 1: เทคนิคผ่าตัดดึงหน้าด้วย การผ่าตัดดึงโหนกแก้ม-ร่องแก้มและตาล่าง

2. การผ่าตัดดึงหน้าทั้งหน้า (Full facelift)

 รวมโหนกแก้ม ร่องแก้ม แนวกราม-คาง โดยเปิดแผลหน้าหูถึงหลังหู เปิดเลาะไปถึงชั้น กล้ามเนื้อ แล้วแยกเอาชั้นของ SMAS ออกมาดึงให้ตึงแล้วตัดส่วนเกินออก แล้วเย็บให้ตึงที่สุด จากนั้น ชั้นของเนื้อเยื่อใต้ผิวหนังและผิวหนังก็ต้องดึงให้ตึงตามชั้นของ SMAS แล้วตัดหนังส่วนเกินในชั้นของเนื้อเยื่อและผิวหนังออกให้พอดี แล้วเย็บปิดแผลให้สวยงาม เทคนิคนี้เหมาะกับผู้ที่มีใบหน้าหย่อนคล้อยมากถึงแนวกราม-คาง 

ผ่าตัดดึงหน้าSMAS

รูปที่ 2: เทคนิคการผ่าตัดดึงหน้าแบบดึงทั้งหน้า โดยเย็บชั้นของ SMAS

3. การผ่าตัดดึงหน้าโดยใช้วัสดุสังเคราะห์ (Endotine - Mid face lift)  


การศัลยกรรมผ่าตัดดึงหน้าโดยใช้วัสดุสังเคราะห์ มาช่วยดึงชั้นกล้ามเนื้อส่วนลึกของหน้าด้วยการเปิดแผลหน้าหู แล้วใช้ Endotine ดึงกล้ามเนื้อแก้มล่างขึ้นตามความต้องการ แล้วตัดหนังส่วนเกินออกแล้วเย็บปิดแผล การใช้เทคนิคนี้จะช่วยให้โหนกแก้มสูงขึ้นแล้ว วัสดุที่ใช้จะสลายไปภายใน 6 เดือน ข้อควรระวัง ตัว Endotine อาจจะทำให้เส้นประสาทฉีกขาดได้

การผ่าตัดดึงหน้า_Endotine

รูปที่ 3: การผ่าตัดดึงหน้าโดยใช้  วัสดุสังเคราะห์ (Endotine)

4. การผ่าตัดกระชับลำคอ/ ผ่าตัดดึงคอ  


มี 2 เทคนิคตามตำแหน่งการเปิดแผลผ่าตัด ดังนี้

  • เปิดแผลที่หน้าหูหลังหู ยาว (Neck Lift) ดังรูป Incision line no.1 เพื่อกระชับกล้ามเนื้อแก้ม แนว กราม-คาง และคอ โดยการผ่าตัดเลาะชั้นของ SMAS ตั้งแต่ แนวคอ  กราม-คาง และแก้ม แล้วดึงให้ตึง ตัดส่วนเกินออก แล้วเย็บชั้น SMAS ให้ตึงตามแนวรูป
  • เปิดแผลเล็ก ๆ ใต้คาง (Neck Tuck) ดังรูป incision line no.2 แล้ว พร้อมกับเย็บกระชับกล้ามเนื้อใต้คางให้ชิดกัน ทำให้ลำคอกระชับดูตึงขึ้น ตัดเอาหนังส่วนเกิน หรือไขมันส่วนเกินจากคอและคางออกให้พอดี จะได้ลำคอและคางที่กระชับ ไม่เป็นคางเหมือนไก่งวง

การผ่าตัดดึงคอ มักจะทำร่วมกับการดึงหน้า แล้วกระชับกล้ามเนื้อ ชั้น SMAS เพื่อให้ใด้ผลการผ่าตัดยกกระชับลำคอ ใต้คาง ได้ผลดี

เทคนิคการการผ่าตัดดึงคอกระชับกล้ามเนื้อคอและSMAS

รูปที่ 4: เทคนิคการการผ่าตัดดึงคอ กระชับกล้ามเนื้อคอและ SMAS

5. การผ่าตัดดึงคิ้ว (Brow Lift / Forehead lift) 

เป็นส่วนหนึ่งของการผ่าตัดดึงหน้าเพื่อให้ใบหน้าดูอ่อนเยาว์ แผลผ่าตัดจะอยู่หลังไรผม 1-2 เซนติเมตร เป็นการดึงระดับคิ้วขึ้น ทำให้ใบหน้าดูสดใสชึ้น คิ้วไม่ตก การผ่าตัดดึงคิ้วมี 3 แบบดังนี้

  • ผ่าตัดดึงคิ้วด้วยกล้อง ข้อดีคือแผลเล็ก
  • ผ่าตัดดึงคิ้วแผลเหนือหู ประมาณ 5-7 เซนติเมตร
  • ดึงคิ้งแบบแผลกว้าง ในกรณีที่ต้องการ ดึงหน้าผากทั้งหมดให้สูงขึ้น ลดริ้วรอยที่เป็นมากที่หน้าผากอีกด้วย

ดูเพิ่มเติม

6. การทำให้หน้าตึงด้วยการฉีดไขมัน (Fat graft) 

โดยการเอาไขมันของตัวเองจากส่วนอื่นมาฉีดใส่หน้า เพื่อให้ใบหน้าดูอวบอิ่ม เต่งตึง สำหรับคนที่หน้าเหี่ยว และผอมตอบ การเพิ่มไขมันบนใบหน้าจึงจำเป็นอย่างยิ่ง

การทำให้หน้าตึงด้วยการฉีดไขมัน

รูปที่ 5: การทำให้หน้าตึงด้วยการฉีดไขมัน 

 

การเตรียมตัวก่อนศัลยกรรมผ่าตัดดึงหน้า ดึงคอ
 

หลังจากปรึกษาแพทย์เพื่อตัดสินใจจะผ่าตัดดึงหน้าแล้ว ต้องมีการเตรียมตัว ดังนี้

  • การตรวจสุขภาพร่างกาย ผลการตรวจทุกอย่างประวัติการรักษาพยาบาล รวมถึงการตรวจสุขภาพของผู้ป่วยที่มีอายุมากกว่า 40 ปี ต้องตรวจคลื่นหัวใจ ตรวจ EKG stress test เพื่อความปลอดภัยของผู้ป่วยที่อายุมากกว่า 40 ปี ที่อาจจะมีโรคหัวใจ ความดัน ซึ่งจะมีผลต่อการดมยาสลบ
  • หยุดการสูบบุหรี่ อย่างน้อย 2 สัปดาห์
  • สระผมด้วยน้ำยาฆ่าเชื้อ
  • ความคาดหวังของผู้ป่วยก่อนผ่าตัด ต้องคุยกับแพทย์ให้ชัดเจนถึงความต้องการของผลการผ่าตัดดึงหน้า เช่น ผลของริ้วรอยหลังผ่าตัดดึงหน้า อาจจะมีใบหน้าซ้ายขวาไม่เท่ากันได้ เนื่องจากไขมันที่เหลือบนใบหน้าอาจจะไม่เท่ากัน


การดูแลหลังผ่าตัดดึงหน้า

  • นอนหมอนสูงยกศรีษะให้สูงเท่าที่จะทำได้
  • หลังผ่าตัด 2 วันสระผม ล้างหน้าได้
  • มีการเคลื่อนไหวบ้างอย่างช้าๆ เพื่อให้ระบบเลือดไหลเวียน
  • สวมผ้ารัดหน้าตลอดเวลา 3 วันแรก จากนั้นสวมเฉพาะกลางคืนอย่างน้อย 1 เดือน เพื่อช่วยลดบวม
  • หลีกเลี่ยงการออกกำลังกายหักโหม 1 เดือนหลังผ่าตัด
  • หยุดการสูบบุหรี่ หรือดื่มเหล้า อย่างน้อย 2 อาทิตย์หลังผ่าตัด
  • ไปตามแพทย์นัดทุกครั้ง มีข้อสงสัยอะไรถามแพทย์ที่ผ่าตัดได้ตลอดเวลา
  • หลังผ่าตัด 7 วันตัดไหม และมีบางส่วนตัดไหม 10 วันหลังผ่าตัด

ความเสี่ยงและปัญหาแทรกซ้อนของการผ่าตัดดึงหน้า

  • ปัญหาการคั่งของเลือดHematoma ใต้ผิวหนังหลังผ่าตัด
  • ปัญหาของการสะสมของน้ำเหลีองเป็นบางส่วนของใบหน้า เกิดการยุบบวมช้า
  • ผมร่วง หรือหายไปบริเวณที่เปิดแผล อาจจะเป็นชั่วคราวหรือถาวรก็ได้แก้ได้ด้วยการปลูกผม
  • แผลเป็นบริเวณแผลผ่าตัด โดยปกติจะปกปิดโดยผม   แต่บางคนอาจจะเกิดแผลเป็นนูนแดง แต่แก้ไขได้ ด้วยการฉีดยา corticosteroid.หรือการทำหัตถการอื่นๆช่วย
  • อาจจะเกิดเนื้อตาย (skin necrosis) เนื่องจากเลือดไปเลี้ยงไม่พอ
  • ผิวหนังอาจจะไม่เรียบ และสีผิวอาจจะไม่สม่ำเสมอได้แต่แก้ไขได้ด้วยวิธีการอื่น
  • ไหมที่เย็บอยู่ใต้ผิวหนังอาจจะโผล่ขึ้นมา หรือ เวลาลูบๆแล้วรู้สึกเป็นไหม แต่เป็นไหมละลายต้องใช้เวลา 3-6 เดือน
  • อาจจะทำให้ใบหน้าไม่เท่ากันได้ เนื้องจาก Fat necrosis หรือไขมันที่เหลือบนใบหน้าไม่เท่ากัน
  • การฉีกขาดของเส้นประสาท อาจจะชาได้ หรือกล้ามเนี้ออ่อนแรงได้  มักจะแบบเป็นชั่วคราว สามารถหายได้เอง 6-12 เดือน
  • ความเสี่ยงอื่นๆเหมือนกับการผ่าตัดใหญ่ทั่วไป เช่น ความเสี่ยงจากการดมยาสลบ การติดเชื้อ หรือยาบางตัวที่รับประทานต่อเนื่อง

การพักฟื้นหลังการศัลยกรรมผ่าตัดดึงหน้า ดึงคอ

          หลังการผ่าตัด อาจจะมีอาการบวมช้ำเขียวและอาการชาประมาณ 1-2 สัปดาห์ ต้องใส่ผ้ารัดหน้านาน 24 ชั่วโมงในช่วง  3 วันแรกหลังผ่าตัด หลังจากนั้นใส่ตอนนอนนาน 1 เดือน อาการบวมช้ำที่หน้าจะเริ่มดีขึ้น หลังผ่าตัด 2 สัปดาห์ นวดหน้าเบา ๆ เพื่อกระตุ้นเส้นประสาทและไล่น้ำเหลือง ช่วยลดอาการบวม คนไข้สามารถกลับไปทำงานตามปกติได้ 14 วันหลังผ่าตัด คนไข้สามารถออกกำลังกายได้หลังผ่าตัดแล้ว 4 สัปดาห์ อาการบวมจะลดลงและอาการชาจะดีขึ้น จะเห็นผลการผ่าตัดอย่างชัดเจนประมาณ 6-12 เดือนหลังผ่าตัด

สาระน่ารู้  การศัลยกรรมผ่าตัดดึงหน้า ดึงคอ

การผ่าตัดดึงหน้า แก้ความหย่อนคล้อยโดยใช้ไหมละลาย "Endotine"

การผ่าตัดดึงหน้า แก้ไขความหย่อนคล้อย ของใบหน้า โดยใช้วัสดุสังเคราะห์เหมือนไหมละลาย เป็นแท่งยาว ๆ ดึงกล้ามเนื้อที่แก้มที่หย่อนคลัอยไปผูกติดกล้ามเนื้อที่ขมับ เปิดแผลที่ขมับ ประมาณ 5-6 เซนติเมตร

ผ่าตัดแก้ไขความหย่อนคล้อยของใต้คางและลำคอ

เการผ่าตัดยกกระชับผิวหนังใต้คางและลำคอป็นการผ่าตัดหลายหัตถการร่วมกันเพื่อแก้ไขความหย่อนคล้อย เช่น ดูดไขมันใต้คาง ตัดหนังส่วนเกินใต้คาง ผ่าตัดดึงหน้า และลำคอ

ผ่าตัดดึงหน้าด้วยเทคนิค SMAS เป็นอย่างไร?

การผ่าตัดดึงหน้าด้วยเทคนิค SMAS (superficial musculoaponeurotic system) เพื่อยกและกระชับผิวหนังและกล้ามเนื้อที่อยู่บริเวณส่วนลึกของใบหน้า

ดูเพิ่มเติม

รูปก่อนและหลังศัลยกรรมดึงหน้า / การผ่าตัดดึงหน้า / ดึงคอ

รูปก่อนและหลังศัลยกรรมดึงหน้า / การผ่าตัดดึงหน้า / ดึงคอ

รูปก่อนและหลังศัลยกรรมดึงหน้า / การผ่าตัดดึงหน้า / ดึงคอ

รูปก่อนและหลังศัลยกรรมดึงหน้า / การผ่าตัดดึงหน้า / ดึงคอ

รูปก่อนและหลังศัลยกรรมดึงหน้า / การผ่าตัดดึงหน้า / ดึงคอ

รูปก่อนและหลังศัลยกรรมดึงหน้า / การผ่าตัดดึงหน้า / ดึงคอ

รูปก่อนและหลังศัลยกรรมดึงหน้า / การผ่าตัดดึงหน้า / ดึงคอ

รูปก่อนและหลังศัลยกรรมดึงหน้า / การผ่าตัดดึงหน้า / ดึงคอ

รูปก่อนและหลังศัลยกรรมดึงหน้า / การผ่าตัดดึงหน้า / ดึงคอ

รูปก่อนและหลังศัลยกรรมดึงหน้า / การผ่าตัดดึงหน้า / ดึงคอ

รูปก่อนและหลังศัลยกรรมดึงหน้า / การผ่าตัดดึงหน้า / ดึงคอ

ดูเพิ่มเติม

รีวิวศัลยกรรมดึงหน้า / การผ่าตัดดึงหน้า / ดึงคอ

รีวิวศัลยกรรมดึงหน้า / การผ่าตัดดึงหน้า / ดึงคอ

รีวิวศัลยกรรมดึงหน้า / การผ่าตัดดึงหน้า / ดึงคอ

รีวิวศัลยกรรมดึงหน้า / การผ่าตัดดึงหน้า / ดึงคอ

รีวิวศัลยกรรมดึงหน้า / การผ่าตัดดึงหน้า / ดึงคอ

รีวิวศัลยกรรมดึงหน้า / การผ่าตัดดึงหน้า / ดึงคอ

รีวิวศัลยกรรมดึงหน้า / การผ่าตัดดึงหน้า / ดึงคอ

รีวิวศัลยกรรมดึงหน้า / การผ่าตัดดึงหน้า / ดึงคอ

รีวิวศัลยกรรมดึงหน้า / การผ่าตัดดึงหน้า / ดึงคอ

รีวิวศัลยกรรมดึงหน้า / การผ่าตัดดึงหน้า / ดึงคอ

รีวิวศัลยกรรมดึงหน้า / การผ่าตัดดึงหน้า / ดึงคอ

วีดิทัศน์ การศัลยกรรมผ่าตัดดึงหน้า ดึงคอ

ดูเพิ่มเติม

 

ศัลยกรรมดึงหน้า

การทำศัลยกรรมดึงหน้าเหมาะกับใคร

เมื่ออายุของเราเพิ่มมากขึ้นใบหน้าของเราก็จะเกิดการเปลี่ยนแปลงไปตั้งแต่ชั้นผิวหนังชั้นไขมันลงไปจนถึงชั้นโครงสร้างของกระดูกซึ่งอาจจะเกิดขึ้นเร็วหรือช้าแล้วแต่บุคคล

 

  • ผู้ที่มีอายุ 30 ปีขึ้นไป

บางคนเริ่มพบปัญหาผิวหย่อนคล้อยตั้งแต่อายุ 30 ต้น ๆ หรือวัยทำงาน อาจเริ่มสังเกตเห็นหนังตาที่เริ่มบทบังชั้นตา มองดูแล้วชั้นตาเล็กลง เนื่องจากหนังตาลงมาปกคลุม ส่วนแก้มเริ่มเห็นมีร่องลึกมองเห็นได้ เริ่มมีการฝ่อของไขมัน หรืออาจจะเกิดแก้มย้อยน้ำหนักที่เพิ่มหรือลดในช่วงนี้ ส่วนใต้ตามีร่องลึกมองดูอิดโรยและเหนื่อยล้า คางมองเห็นมีเหนียง กรอบหน้าเริ่มไม่เรียว มีริ้วรอยเกิดขึ้นบางบริเวณ เช่น หางตาเริ่มมีจีบรอยตีนกา หน้าผากมีเส้นขวาง หว่างคิ้วมีเส้นของการขมวดคิ้วมาก

  • ผู้ที่มีอายุ 40 ปีขึ้นไป

พอเข้าสู่วัย 40 ปีขึ้นไป การเปลี่ยนแปลงของใบหน้าเริ่มจะแสดงให้เห็นเด่นชัดขึ้น มีความหย่อนคล้อยของผิวหนัง ตั้งแต่ช่วงหนังตาที่จะเริ่มมีหางตาตกมองดูใบหน้าเศร้า คิ้วตกทำให้ดูเหนื่อยล้า ช่วงแก้มมีร่องลึกมากขึ้นและถ่วงลงมามองดูมีอายุเกินจริง อาจจะมองเห็นกรอบหน้าที่หย่อนยานมุมปากเริ่มมีหนังเกิน และเริ่มมองเห็นเป็นร่องลึกที่เรียกว่าร่องน้ำหมากลึก ช่วงคอที่มีหนังเกินมองเห็นรอยเหี่ยวย่น และชั้นที่พับเป็นชั้น ๆ

 

  • ผู้ที่มีอายุ 50 ปีขึ้นไป

เมื่อเข้าสู่วัย 50 ขึ้นไป การเปลี่ยนแปลงต่าง ๆ มองเห็นได้ชัดเจนในทุกส่วนของใบหน้า ระดับของเส้นคิ้วจะตกลงมามากจนใกล้กับระดับชั้นตา บางคนหางคิ้วจะตกลงไปมากจนทำให้ดันหนังตา บดบังการมองเห็นโดยเฉพาะเวลามองข้าง บางคนจะเห็นหนังตาของตัวเอง ส่วนของขมับมีไขมันที่ฝ่อลงไปทำให้เกิดเป็นขมับบุ๋ม มองเห็นร่องขมับชัดเจน ดูสูงวัย และไม่สดใส ช่วงกลางของใบหน้าโหนกแก้มดูลดต่ำลง มีแก้มย้อยเกิดขึ้นดันลงมาทำให้เห็นร่องแก้มลึก ไขมันบริเวณกรามย้อยต่ำลงเลยกรอบของใบหน้ามองเห็นได้ชัดเจน ที่คอมีผิวหนังหย่อนคล้อยส่วนเกิน และมีเส้นริ้วรอยชัด

 

รูปที่1. แสดงภาพตัวอย่างการเปลี่ยนแปลงของเนื้อเยื้อในใบหน้าตามอายุที่มากขึ้น

หากไม่อยากผ่าตัดดึงหน้า มีวิธีการรักษาแบบอื่นหรือไม่

การแก้ไขปัญหาของใบหน้าที่มีความเปลี่ยนแปลงเหล่านี้ ขึ้นอยู่กับระดับความเปลี่ยนแปลงตามอายุและสภาพผิวของแต่ละคน โดยศัลยแพทย์จะเป็นผู้พิจารณาวิธีการรักษา สำหรับผู้ที่มีความเปลี่ยนแปลงน้อย ปัญหาส่วนใหญ่เริ่มเกิดตอนอายุน้อย ๆ ก็สามารถแก้ไขได้ด้วยวิธีการที่ไม่ต้องผ่าตัด โดยอาจจะใช้พวกสารเติมเต็มบนผิวหน้าที่ช่วยเสริมเติมในตำแหน่งที่มีร่องลึก เช่น ไขมันของตัวเอง หรือฟิลเลอร์ ส่วนโบทอกจะเป็นสารที่ช่วยลดริ้วรอย ด้วยการลดการทำงานของระบบประสาทกล้ามเนื้อมัดบริเวณนั้น ๆ ของใบหน้า
 

ในประเทศไทยนิยมนำสารซิลิโคนเหลวมาฉีดโดยกลุ่มที่ไม่ใช่แพทย์ตลอด 20 ปีที่ผ่านมา ซึ่งก่อให้เกิดผลกระทบค่อนข้างมาก เนื่องจากก่อให้เกิดการอักเสบของผิวหน้ามีการซึมขึ้นมาบนผิวหนัง มองดูเป็นลักษณะแดง ๆ ผิวบางใส หรือลึกลงไปใต้ผิวหนังคลำได้เป็นก้อน ๆ หรือเป็นตายแข็ง ๆ และมีการเลื่อนไหลไม่อยู่ในตำแหน่งที่ฉีด ทำให้ใบหน้าผิดรูปไป และที่สำคัญที่สุด ตัวซิลิโคนเหลวนั้นยังเป็นสารก่อมะเร็งอีกด้วย (Siliconoma) ส่วนการร้อยไหมในปัจจุบันก็พบว่า นิยมนำมาใช้ในกรณีที่มีความหย่อนยานไม่มาก อาจใช้เพื่อปรับรูปหน้าให้กลับมายกตึง ดูใบหน้ากระชับอีกครั้ง

แต่หากปัญหานั้นยังคงมองเห็นได้ชัดเจนหรือเมื่ออายุที่เพิ่มมากขึ้น การใช้เทคนิคที่ไม่ต้องผ่าตัด อาจจะไม่ช่วยให้ประสบความสำเร็จได้ดีเท่ากับการศัลยกรรมผ่าตัดดึงหน้า ที่จะเห็นผลลัพธ์ได้อย่างชัดเจน ทำให้ใบหน้ากลับมากระชับได้ยาวนาน และมีประสิทธิภาพมากกว่า

 

รูปที่ 2. แสดงเทคนิคการการผ่าตัดดึงคอ  กระชับกล้ามเนื้อคอ และ SMAS


เคยฉีดหน้า ร้อยไหมมาก่อน จะทำศัลยกรรมผ่าตัดดึงหน้าได้หรือไม่


สำหรับผู้ที่มีสารแปลกปลอมบนใบหน้ามาก่อน สามารถเข้ารับการศัลยกรรมผ่าตัดดึงหน้าได้หรือไม่นั้น ศัลยแพทย์จะทำการซักประวัติและตรวจร่างกายบริเวณใบหน้าก่อน เมื่อพิจารณาเรื่องของการรักษาโดยวิธีการศัลยกรรมผ่าตัด ในผู้ที่เคยมีประวัติการรับสารเติมเต็มเข้ามาบนใบหน้า ไม่ว่าจะเป็นฟิลเลอร์ คอลลาเจน ซิลิโคนเหลว หรือแม้กระทั่งผ่านการร้อยไหมมาก่อน ก็สามารถทำการผ่าตัดได้ แต่จะต้องได้รับการเลาะสารแปลกปลอมต่าง ๆ เหล่านั้นออกไปก่อนที่จะทำการดึงกระชับใบหน้าได้ในคราวเดียวกัน เพื่อให้ได้ประสิทธิภาพสูงสุด และลดความเสี่ยงที่จะเกิดภาวะแทรกซ้อนต่าง ๆ เช่น การอักเสบบวมแดงนาน หรือทำให้แผลการผ่าตัดหายช้า เป็นต้น

ทำไมโรงพยาบาลศัลยกรรมตกแต่งกมลจึงเป็นที่นิยมในการทำศัลยกรรมดึงหน้า (Rhytidectomy)

          ใบหน้าเป็นสิ่งแรกที่คนเรามองเห็นเมื่อพบกัน การมีใบหน้าที่อ่อนเยาว์และสดใสเป็นสิ่งสำคัญ การศัลยกรรมดึงหน้า (Rhytidectomy) เป็นหัตถการที่ได้รับความนิยมสำหรับผู้ที่ต้องการฟื้นฟูความอ่อนเยาว์ให้กับใบหน้า

          โรงพยาบาลศัลยกรรมตกแต่งกมล เป็นโรงพยาบาลที่มีชื่อเสียงและความเชี่ยวชาญด้านศัลยกรรมดึงหน้า ผ่าตัดดึงหน้า และลำคอ เพื่อแก้ไขความหย่อนคล้อยของใบหน้าและลำคอ ทีมศัลยแพทย์ผู้มีมีประสบการณ์และความเชี่ยวชาญสูง นายแพทย์กมล พันธ์ศรีทุมและทีมศัลยแพทย์จะวิเคราะห์ความหย่อนคล้อยของใบหน้าและลำคอของแต่ละบุคคล โดยคำนึงถึงความยืดหยุ่นของผิวหน้าและลำคอ เพื่อพิจารณาว่าจะใช้เทคนิคไหนที่เหมาะสม เพื่อสร้างความเต่งตึง และอ่อนเยาว์ของใบหน้า และสัมพันธ์กับความคาดหวังของแต่ละบุคคล

         โรงพยาบาลศัลยกรรมตกแต่งกมลภาคภูมิใจในการให้บริการที่อบอุ่น ปลอดภัย ด้วยอุปกรณ์การแพทย์ที่ทันสมัย ได้รับการรับรองมาตรฐานจาก JCI (Joint Commission International) ซึ่งเป็นองค์กรด้านการดูแลมาตรฐานโรงพยาบาลที่มีชื่อเสียงระดับโลก ทีมศัลยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านศัลยกรรมตกแต่ง ปากและใบหน้า รวมถึงทันตแพทย์จะทำงานร่วมกันเพื่อสร้างความปลอดภัย ความสวยงามสมบูรณ์แบบ และรักษาความเป็นส่วนตัวสำหรับคนไข้ทุกคน

          โรงพยาบาลศัลยกรรมตกแต่งกมลจึงเป็นจุดหมายปลายทางลำดับต้นสำหรับการศัลยกรรมดึงหน้า เพราะมีผลการรักษาที่ดีอย่างต่อเนื่องและลูกค้าพึงพอใจ หากคุณต้องการฟื้นฟูใบหน้าให้ดูอ่อนเยาว์หรือเสริมสร้างรูปลักษณ์ให้กับใบหน้าของคุณ เรายินดีให้บริการเพื่อให้คุณสวยงาม ปลอดภัยและบรรลุเป้าหมาย

 
 
 
 

World-Class_Elite_Plastic_Surgeons

World-Class_Professional_Healthcare

World-Class_Services