อยากทำจมูกให้ใบหน้าดูมีมิติ ควรเลือกเสริมจมูกแบบไหนดี
การเสริมจมูก เป็นการศัลยกรรมยอดนิยมของทั้งหญิงและชาย เพราะจมูกคือ จุดศูนย์กลางของใบหน้า ถ้ามีจมูกที่โด่งได้รูป ใบหน้าก็จะดูมีมิติ ทำให้องค์ประกอบอื่น ๆ ของใบหน้า เด่นชัด และดูดีขึ้น แต่คนเอเชียมักจะมีปัญหาสันจมูกแบน ปีกจมูกกว้าง การศัลยกรรมจมูกให้ได้รูปทรงสวยงาม เป็นธรรมชาติ จึงเป็นที่นิยมมาก ทั้งการทำจมูกให้โด่งขึ้น และการตัดปีกจมูกเพื่อให้ปีกจมูกที่ใหญ่ดูแคบลง ผลจากการศัลยกรรมจมูก บางท่านอาจทำให้หายใจสะดวกขึ้น ลดอาการนอนกรนได้อีกด้วย
- หากมีใบหน้าที่ดูเป็นเหลี่ยมก็ควรจะมีจมูกที่ดูอ่อนหวาน ปลายจมูกดูมน สันจมูกมีส่วนโค้งทำให้ใบหน้าไม่แข็งจนเกินไป
- หากมีใบหน้าค่อนข้างกลม เนื้อมาก ควรจะมีจมูกที่ดูโด่งชัดเจนสันค่อนข้างตรง ปลายดูพุ่งทำให้ใบหน้าดูแคบลงและมีมิติมากขึ้น
- จมูกผู้ชายมักมีเนื้อปลายจมูกหนาและกว้างควรทำจมูกให้ปลายดูโด่งชัดเจน สันจมูกค่อนข้างตรง หากมีสันกลางเล็กๆ (Hump) จะทำให้ใบหน้าดูเรียวและดูแข็งแรงมีพลัง
- จมูกผู้หญิงที่เริ่มมีอายุ ควรมีสันจมูกไม่สูงเกินไปโดยเฉพาะระหว่างดวงตาเนื่องจากไขมันใต้ผิวหนังและเนื้อกระดูกบางลง
การศัลยกรรมเสริมจมูกให้เหมาะสมกับใบหน้า
การศัลยกรรมจมูก เป็นการผ่าตัดทำจมูกเพื่อเอาวัสดุเสริม (Implant) มาวางบนสันจมูก ให้ได้สันจมูกที่สูงขึ้นกว่าเดิม และมีการตัดแต่งรูปทรงที่สวยงามกลมกลืนกับส่วนอื่น ๆ ของใบหน้า แต่ในปัจจุบันวิธีการศัลยกรรมจมูกให้ดูโด่งขึ้นมีหลายวิธี เช่น การฉีดสารฟิลเลอร์ การร้อยไหมอาจจะช่วยได้เล็กน้อย แต่การผ่าตัดทำจมูกจะให้ผลที่ชัดเจนกว่า คงอยู่ถาวร และสามารถจัดรูปทรงจมูกให้เหมาะสมได้เป็นอย่างดี
ผู้ที่เหมาะกับการศัลยกรรมเสริมจมูก
- จมูกแบนไม่มีสัน (Saddle Nose) จมูกสั้น (Short Nose) หรือ จมูกแหงน (Short Nose tip)
- มีสุขภาพร่างกาย และจิตใจดี
- มีความคาดหวังที่เป็นไปได้และไม่เกินจริง
- ไม่สูบบุหรี่จัด
- มีปุ่มกระดูกที่สันจมูก (ฮัมพ์) ที่สามารถศัลยกรรมจมูกได้
- ไม่มีโรคประจำตัว เช่น ความดัน เบาหวาน หัวใจ หรือโรคเอดส์
- ไม่มีประว้ติแพ้ยาชา หรือยาสลบมาก่อน
- อยากเสริมจมูกเพื่อเพิ่มความมั่นใจให้ตัวเอง
จมูกคนเอเชียจะมีสันจมูกแบน ปีกจมูกแบนและกว้าง ศัลยแพทย์จะออกแบบเพื่อปรับแก้ไขรูปทรง เพื่อเพิ่มความสูงของสันจมูก ความสูงและความยาวของปลายจมูก โดยคำนึงถึงความกว้างของมุมระหว่างแนวเส้นริมฝีปากบนและแนวเส้นปลายจมูกถึงฐานแกนจมูก (Nasolabial angle) ให้ได้องศาที่เหมาะสม เพื่อให้ได้จมูกที่เป็นธรรมชาติ
โดยทั่วไปจมูกของผู้หญิงปลายจะอยู่ประมาณ 95-110 องศา และผู้ชาย จะอยู่ที่ 90-105 องศา ส่วนมุมระหว่างจมูกและหน้าผาก (Nasofrontal angle) ในผู้หญิงประมาณ 120-140 องศา ส่วนในผู้ชายประมาณ 140-150 องศา ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับสภาพของผิวหนังและโครงสร้างของจมูกในแต่ละบุคคล
รูปที่ 1: องศาที่เหมาะสมของจมูกที่สวยงามในเพศชายและหญิง
ซิลิโคนเสริมจมูกมีเเบบไหนบ้าง?
1.ซิลิโคนอ่อน (Silicone implant)
การเสริมจมูกด้วยซิลิโคนอ่อนเป็นวิธีที่นิยมใช้กันมากที่สุด ปรับแต่งรูปทรงได้ง่าย แต่เมื่อเวลาผ่านไป ผิวจมูกอาจจะบางใสเป็นมันวาว หรือเห็นแกนซิลิโคนเป็นแท่ง มีโอกาสที่ซิลิโคนจะทะลุ จมูกเอียง หรือเบี้ยวได้ง่าย
ข้อดี ของการเสริมจมูกด้วยซิลิโคนอ่อน
- เป็นวัสดุที่สามารถนำมาเหลาปรับแต่งรูปทรงได้ง่าย และมีปฏิกิริยาต่อร่างกายต่ำ
- แกนซิลิโคนสามารถอยู่ในร่างกายได้นาน ในบางรายอาจคงอยู่ได้ตลอดชีวิตโดยไม่จำเป็นต้องเปลี่ยนแกนใหม่
- แท่งซิลิโคนที่ใช้ในการผ่าตัด (Implant Grade) ต้องมีความบริสุทธิ์ค่อนข้างสูง วัสดุมีความแตกต่างกันไปขึ้นกับแหล่งผลิต และเทคโนโลยีการผลิต รวมทั้งการรับรองมาตรฐานจากหน่วยงานของรัฐ เช่น องค์การอาหารและยา เป็นต้น
- ซิลิโคนที่ใช้ในการทำจมูก มีทั้งแบบสำเร็จรูปที่ได้ขึ้นรูปมาแล้ว และแบบที่แพทย์เหลาเอง
ข้อเสีย ของการเสริมจมูกด้วยซิลิโคนอ่อน
- ต้องมาเหลาปรับแต่งรูปทรงเอง ขึ้นอยู่กับความถนัดและความชำนาญของแพทย์
- แกนซิลิโคนมีโอกาสเคลื่อนตัวผิดตำแหน่ง
- เกิดการยุบตัวของเนื้อเยื่อและเนื้อเยื่อพังผืดรัดแกน
2.ePTFE (expanded POLYTETRAFLUOROETHYLENE )
การเสริมจมูกด้วย ePTFE เป็นวัสดุทางเลือกมีลักษณะเป็นแกนอ่อน มีรูพรุน สีขาว ทำให้มีเนื้อเยื่อจมูก งอกแทรกเป็นเนื้อเดียวกันกับจมูก โอกาสที่จมูกจะเอียงหรือเบี้ยวจึงเกิดขึ้นได้น้อยกว่ามาก เพราะมีเนื้อเยื่องอกมาที่แกนจมูก เมื่อเสริมไปนาน ๆ จมูกจะไม่บางใส ไม่มันวาว และมีโอกาสจมูกทะลุน้อยมาก แต่วัสดุจะมีราคาแพง ปรับแต่งรูปทรงได้ยากกว่าซิลิโคน แต่ก็สามารถนำมาเหลาปรับแต่งเพื่อเสริมสันและปลายจมูกให้สูงขึ้น มีปฏิกิริยาต่อร่างกายต่ำกว่าแกนซิลิโคน เพราะผลิตจากวัสดุกลุ่มเดียวกันกับเส้นเลือดเทียมที่ใช้ในร่างกาย
ข้อดี ของการเสริมจมูกด้วย ePTFE
- เนื้อเยื่อจมูกสามารถงอก และแทรกเข้าไปประสานกับแกนวัสดุที่เป็นรูพรุน
- ผิวหนังภายนอกไม่ดูเป็นมันวาว
- มีปฏิกิริยาต่อร่างกายต่ำกว่าแกนซิลิโคนเพราะผลิตจากวัสดุกลุ่มเดียวกันกับเส้นเลือดเทียมที่ใช้ในร่างกาย
ข้อเสีย ของการเสริมจมูกด้วย ePTFE
- การเหลาปรับแต่งรูปทรงทำได้ยาก และมีขั้นตอนมากกว่า
- ตัววัสดุมีความแข็งแรงในการคงรูปจมูกน้อยกว่าแกนซิลิโคน
- มีราคาสูงกว่า
- การผ่าตัดซับซ้อนกว่า จึงเป็นทางเลือกเฉพาะผู้ที่ต้องการเน้นความโด่ง เนียนแบบธรรมชาติ
3. กระดูกซี่โครงอ่อน (Rib Cartilage)
การเสริมจมูกด้วยกระดูกซี่โครงอ่อน สามารถทำให้โด่งได้มากกว่าวัสดุอื่น จึงเหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการทำจมูกให้โด่งมาก แต่มีเนื้อจมูกจำกัด หรือกรณีต้องการปรับแก้จมูก เป็นการศัลยกรรมจมูกที่ต้องผ่าตัดภายใต้การดมยาสลบ และจะใช้เทคนิคการทำจมูกแบบโอเพ่นเท่านั้น
เทคนิคการศัลยกรรมจมูกด้วยกระดูกซี่โครงอ่อน เป็นการใช้เนื้อเยื่อของตัวผู้ป่วยเอง โดยการผ่าตัดเอากระดูกซี่โครงจากบริเวณใต้ราวนม ผ่านแผลประมาณ 3 ซม. สามารถนำมาตกแต่งขึ้นรูปแล้วใช้เทคนิคการเสริมจมูกโอเพ่น (Opened Technique) แพทย์อาจใช้วัสดุอื่นในส่วนประกอบ เช่น เนื้อเยื่อพังผืด (Fascia), ePTFE, Silicone implant ร่วมด้วย ขึ้นอยู่กับความซับซ้อนในแต่ละราย
ข้อดี ของการเสริมจมูกด้วยกระดูกซี่โครงอ่อน
1.เป็นเนื้อเยื่อของตัวเอง สามารถเสริมได้ความโด่งมากกว่าวัสดุภายนอก
ข้อเสีย ของการเสริมจมูกด้วยกระดูกซี่โครงอ่อน
1.ต้องมีแผลสองแห่ง
2.ต้องผ่าตัดแบบแผลเปิด
3.ต้องวางยาสลบเพื่อผ่าตัดเอากระดูกอ่อนออกมา
4. Customized Implant (CT-SCAN)
การเสริมจมูกโดยใช้เทคโนโลยีเอกซเรย์คอมพิวเตอร์ (CT-SCAN), คอมพิวเตอร์สามมิติ (3D-CT SCAN), และเครื่องพิมพ์สามมิติ (3D-Printing) นำมาใช้ร่วมกันเพื่อสร้างแกนซิลิโคนให้ตรงกับเฉพาะบุคคล (Rapid prototype implant) เป็นวัสดุที่หล่อขึ้นตาม Model เฉพาะของคนไข้ตามขนาดความสูง ความกว้างที่ต้องการ โดยจะใช้เวลาเตรียมวัสดุประมาณ 1 สัปดาห์
ข้อดี ได้แกนซิลิโคนที่สร้างขึ้นด้วยเทคโนโลยีขั้นสูงเฉพาะบุคคล
ข้อเสีย มีขั้นตอนมากกว่า ค่าใช้จ่ายสูงกว่าแบบซิลิโคน
5. Acellular dermal matrix (ADM)
เป็นเนื้อเยื่อผิวหนังชั้นใน (Dermis)ที่ได้มาจากผิวหนังบริจาคที่นำมาสกัดเอาเซลล์และผิวหนังชั้นนอกออกด้วยเทคโนโลยีขั้นสูง
ข้อดี ของการทำจมูกด้วยเนื้อเยื่อหนังชั้นใน ทำให้ได้เนื้อเยื่อที่มีปฏิกิริยาต่อร่างกายต่ำมาก สามารถนำมาเสริมบริเวณสันจมูกให้ดูเป็นธรรมชาติหรือใช้ร่วมกับแกนชนิดต่าง ๆ
ข้อเสีย คือมีโอกาสสลายตัวบางส่วน และ ราคาสูงมาก
6. เนื้อเยื่ออื่น ๆ ที่มาจากร่างกาย
เนื้อเยื่ออื่น ๆ ที่มาจากร่างกายของผู้เสริมจมูกเอง มักใช้ในกรณีที่ร่างกายมีปฏิกิริยาต่อต้านกับสารภายนอกร่างกาย หรือในผู้ที่มีประวัติแพ้วัสดุเทียม ช่วยลดความเสี่ยงในการติดเชื้อ จะใช้เนื้อเยื่อเสริมโดยตรง หรือร่วมกับการเสริมด้วยวัสดุอื่น ๆ ก็ได้ ข้อจำกัดคือ การสลายตัวของเนื้อเยื่อที่ย้ายเข้ามาในตำแหน่งใหม่ ขึ้นอยู่กับลักษณะของเนื้อเยื่อที่นำมาเสริม และทำให้มีแผลเป็นบริเวณที่เก็บเนื้อเยื่อมา ได้แก่
- กระดูกอ่อนหลังหู (Ear Cartilage) มีความยืดหยุ่นคล้ายกับกระดูกอ่อนจมูก สามารถปรับแต่งรูปทรงได้ง่าย มักใช้แก้ไขความไม่สมมาตรของปีกจมูก การเสริมปลายจมูก เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการผลลัพธ์ที่เป็นธรรมชาติ
- แผ่นผิวหนังจากสะโพกหรือร่องก้น (Dermofat graft) ให้ความรู้สึกนุ่มและดูเป็นธรรมชาติ ปรับเข้ากับโครงสร้างจมูกได้ดี มักใช้แก้ไขผิวจมูกที่ดูไม่สม่ำเสมอ ช่วยเพิ่มความเรียบเนียนให้กับผิวจมูก และการเพิ่มความนูนบริเวณสันจมูก
สำหรับระยะเวลาในการผ่าตัดเสริมจมูกจะเริ่มตั้งแต่ 45 นาที - 3 ชั่วโมง ขึ้นอยู่กับเทคนิคที่เลือกใช้ในการศัลยกรรมจมูก
เทคนิคการเสริมจมูกมีกี่เเบบ ควรเลือกทำเเบบไหนดี?
รูปที่ 1:แสดงการเปรียบเทียบการเปิดแผลแบบ โอเพ็น หรือ ปิด
1. การเสริมจมูกแบบแผลในรูจมูก (Closed Rhinoplasty)
คือการเปิดแผลภายในรูจมูกด้านบนเพื่อใส่วัสดุหรือเนื้อเยื่อเข้าไปที่ใต้รูจมูกเพื่อซ่อนแผลเป็น อาจจะเปิดรูจมูกข้างเดียวหรือสองข้างก็ได้ เหมาะสำหรับการผ่าตัดเสริมจมูกที่ไม่ซับซ้อน
ข้อดี การศัลยกรรมจมูกแบบแผลในรูจมูก คือ มองไม่เห็นแผลเป็น
ข้อเสีย การศัลยกรรมจมูกแบบแผลในรูจมูก
- ไม่สามารถมองเห็นโครงสร้างภายในจมูกได้
- ไม่สามารถปรับแต่งแก้ไขโครงสร้างจมูกได้
2. การเสริมจมูกแบบเปิดแผลด้านนอก (Open Rhinoplasty)
การเสริมจมูกแบบโอเพ่น เป็นการเปิดแผลในรูจมูกสองข้างร่วมกับเปิดแผลผ่านผิวหนังระหว่างรูจมูก เพื่อเปิดให้เห็นโครงสร้างจมูกด้านใน แพทย์สามารถมองเห็นด้านในเพื่อทำการผ่าตัดในกรณีที่ซับซ้อน หรือเพื่อปรับแก้ไขโครงสร้างจมูก มักจะใช้ในกรณีเสริมหรือแก้ไขด้วยแกน ePTFE หรือกระดูกซี่โครง การเปิดแผลแบบ Open Technique ส่วนใหญ่ต้องวางยาสลบ
ข้อดี การศัลยกรรมจมูกแบบเปิดแผลด้านนอก มองเห็นโครงสร้างจมูกด้านในได้ชัดเจน สามารถปรับโครงสร้างกระดูกจมูกได้ดี
มองเห็นโครงสร้างจมูกด้านในได้ชัดเจน สามารถปรับโครงสร้างกระดูกจมูกได้ดี
ข้อเสีย การศัลยกรรมจมูกแบบแผลเปิดแผลด้านนอก อาจจะมองเห็นแผลเป็นได้
ใช้ระยะเวลาในการผ่าตัดเสริมจมูก จะใช้เวลาประมาณ 45 นาที - 3 ชั่วโมง
การเย็บอินเตอร์โดม (Interdomal Suture) คืออะไร?
การเย็บอินเตอร์โดม (Interdomal Suture) เป็นเทคนิคการศัลยกรรมจมูกที่ช่วยปรับแต่งรูปทรงปลายจมูกให้สวยงามขึ้น โดยการเย็บกระดูกอ่อนส่วนปลายจมูกเข้าหากัน ช่วยให้ปลายจมูกดูเรียวขึ้น แคบลง และมีมิติมากขึ้น เทคนิคนี้เหมาะสำหรับผู้ที่มีปลายจมูกกว้าง แบน หรือขาดความโดดเด่น รวมถึงผู้ที่ต้องการปรับปลายจมูกให้ดูเรียวขึ้นโดยไม่ต้องใช้วัสดุเสริม การเย็บอินเตอร์โดมช่วยให้ได้ผลลัพธ์ที่ดูเป็นธรรมชาติ และมีความเสี่ยงต่ำ เนื่องจากไม่ต้องตัดเนื้อเยื่อออก อย่างไรก็ตาม ควรปรึกษาศัลยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเพื่อประเมินความเหมาะสมเป็นรายบุคคล
ผ่าตัดเสริมจมูกทรงหยดน้ำกับกระดูกอ่อนหลังหูดีอย่างไร
ประโยชน์ของการทำจมูกด้วยกระดูกอ่อนหลังหู
- ช่วยเพิ่มความยาวของปลายจมูก
- ตกแต่งปลายให้เป็นติ่งเหมือนหยดน้ำ
- ช่วยลดความตึงของผิวปลายจมูก
- ช่วยป้องกันซิลิโคนทะลุ
ความเสี่ยงของการทำจมูกด้วยกระดูกอ่อนหลังหู
- กระดูกอ่อนอาจจะสลายไปได้ ถ้าเลือดไปเลี้ยงไม่พอ
- ผิวที่ปลายจมูกอาจจะไม่เรียบ
การเตรียมตัวก่อนผ่าตัดเสริมจมูก / ทำจมูก
- ปรึกษาแพทย์ เลือกวัสดุเสริมจมูก เลือกเทคนิค ตรวจสุขภาพ
- งดยา ที่มีผลต่อการแข็งตัวของเลือด เช่น Aspirin ก่อนผ่าตัดอย่างน้อย 5 วัน
- งดวิตามิน หรือสมุนไพร ที่ทานประจำบางชนิด เช่น วิตามิน อี จะทำให้เลือดหยุดยาก
- หยุดการสูบบุหรี่ อย่างน้อย 7 วัน
วีธีการผ่าตัดเสริมจมูก
- การระงับความรู้สึกในระหว่างผ่าตัด ส่วนใหญ่สามารถผ่าตัดด้วยยาชา ส่วนการใช้ยาสลบสำหรับกรณีผ่าตัดแบบแผลเปิด (Opened Technique) หรือการผ่าตัดที่ซับซ้อน
- ระยะเวลาในการผ่าตัดเสริมจมูก โดยทั่วไปสำหรับการผ่าตัดแบบปกติโดยใช้ยาชา (Closed Technique) ใช้เวลาผ่าตัดประมาณ 1-2 ชั่วโมง ส่วนการผ่าตัดแบบแผลเปิด หรือใช้ซี่โครง ใช้เวลาประมาณ 3-4 ชั่วโมง
ความเสี่ยงของการศัลยกรรมจมูก
- การติดเชื้อที่แผล (infection) หรือ การทำความสะอาดที่ไม่ได้พอ ทำให้เกิดคราบเลือดบริเวณแผลผ่าตัด เพราะฉะนั้นต้องทำแผลให้สะอาดไม่ให้มีคราบเลือดติดอยู่ตรงบริเวณแผลผ่าตัด โดยทั่วไปการผ่าตัดเสริมจมูกตามมาตรฐานการแพทย์จะมีโอกาสการติดเชื้อค่อนข้างต่ำน้อยกว่า 1% ขึ้นอยู่กับการดูแลแผลผ่าตัดของแต่ละบุคคลในช่วง 2-4 สัปดาห์แรก รวมทั้งปฏิกิริยาการตอบสนองของร่างกาย ภูมิต้านของแต่ละบุคคล
- เลือดคั่ง (Hematoma) ทำให้เกิดการบวมมาก หากภายใน 7 วันยังบวมใหญ่อยู่ให้กลับมาพบแพทย์เพื่อเจาะเอาเลือดเสียออก
- จมูกเอียง หรือเบี้ยว
- มีโอกาสเกิดแผลเป็น
- ผลข้างคียงจากการดมยาสลบ ในกรณีผ่าตัดแบบวางยาสลบ ผู้ป่วยอาจมีอาการคลื่นไส้ เวียนศีรษะ ปวดศีรษะ อาเจียน ในช่วง 1-2 วันหลังผ่าตัด การพักผ่อนที่เพียงพอจะทำให้อาการหายเร็วขึ้น
- อาการปวดหลังการผ่าตัด (Pain)โดยปกติจะมีอาการปวดแผลไม่มาก สามารถรับประทานยาแก้ปวดได้ในช่วงสัปดาห์แรก กรณีที่ผ่าตัดแบบเปิดและใช้ซี่โครง แพทย์จะให้ยาแก่ปวดแบบฉีดในช่วงวันแรกหลังผ่าตัด หลังจากนั้นสามารถรับประทานยาแก้ปวดได้ตามปกติ
- อาการบวม (Edema) ในระยะ 2 สัปดาห์แรก จะสังเกตุเห็นการบวมค่อนข้างจัดเจน หลังจากนั้นการบวมจะค่อยลดลง รูปทรงจมูกจะค่อยๆเปลี่ยนแปลงชัดเจนขึ้นในระยะเวลา 6 – 12 เดือน
- เนื้อตาย (Skin necrosis) มีโอกาสเกิดน้อย ส่วนใหญ่เกิดในกรณีผ่าตัดแก้ไขเนื่องจากมีผังผืดมากและมีความผิดปกติของเส้นเลือดใต้ผิวหนัง
- แผลแยกและมีเลือดออกผิดปกติ อาจเกิดขึ้นได้ในบางรายที่มีการแข็งตัวของเกร็ดเลือดผิดปกติหรือเลือดออกง่าย ส่วนใหญ่สามารถเย็บแผลแก้ไขได้ในช่วง 2 สัปดาห์แรก
การดูแลหลังทำศัลยกรรมจมูก
- การผ่าตัดทำจมูก เป็นการผ่าตัดที่ไม่ซับซ้อน สามารถกลับไปใช้ชีวิตปกติหลังผ่าตัด 7 วัน อาการปวดอาจจะมีบ้าง รับประทานยาแก้ปวด หรือประคบเย็น
- นอนศีรษะสูงช่วง 2 วันแรก เงยหน้าตรง ใช้หมอนล็อกคอ เพื่อลดการบวม
- งดอาหารเค็ม 1 -2 อาทิตย์ เพื่อลดบวม
- ไม่ควรนอนตะแคง 2 สัปดาห์ ป้องกันการเคลื่อนตัวเอียงของแกนจมูก
- งดดื่มเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์ และรับประทานอาหารรสเค็มจัด,เผ็ดจัด และของหมักดอง ประมาณ 2 สัปดาห์
- หลังผ่าตัด 24 ชั่วโมง ล้างหน้าเบา ๆ ด้วยสบู่อ่อน
- ทำความสะอาดแผลผ่าตัดบริเวณ ปลายจมูกด้านที่มีแผลด้วย ไม้พันสำลีจุ่มน้ำต้มสุกให้สะอาดขจัดคราบเลือดแห้งๆออก
- หลังผ่าตัด 3 วัน ดึงพลาสเตอร์ที่ปิดด้านนอกออกออก
- เทคนิคการศัลยกรรมจมูกแบบแผลปิดไม่ต้องตัดไหม เพราะเป็นไหมละลาย แต่ถ้าเป็นการตัดปีกจมูกหรือแผลเปิด ต้องตัดไหมหลังการผ่าตัด 5-7 วัน
- นัดตรวจแผล 1 เดือน หลังการผ่าตัด โดยทั่วไปจมูกจะยุบบวมและเข้าที่ใช้ประมาณ1 เดือน
การพักฟื้นหลังการผ่าตัดเสริมจมูก
การทำจมูกเป็นการผ่าตัดที่ไม่ซับซ้อน สามารถกลับไปใช้ชีวิตปกติหลังผ่าตัด 7 วัน อาการปวดอาจจะมีบ้าง รับประทานยาแก้ปวด หรือประคบเย็น งดออกกำลังกายหักโหมอย่างน้อย 1 เดือน ระวังอุบัติเหตุจากการถูกกระแทกจมูก
รูปก่อนและหลังการศัลยกรรมจมูก
สาระน่ารู้ การศัลยกรรมจมูก
แก้ไขผ่าตัดเสริมจมูก ด้วยกระดูกอ่อนจากซี่โครง
การเสริมจมูก มีวัสดุที่ใช้อยู่หลายชนิดเช่น ซิลิโคนแท่ง ซิลิโคนสำเร็จรูป e-PTFE และ กระดูกอ่อนจากกระดูกซี่โครง ซึ่งจะเป็นทางเลือกที่นำมาเสริมจมูกให้โด่ง ดันปลายจมูกและปรับรูปทรงจมูกที่วัสดุอื่นทำไม่ได้
เป้าหมายที่แตกต่างของ การศัลยกรรมจมูก ในแต่ละเชื้อชาติ
เป้าหมายการผ่าตัดศัลยกรรมจมูกจะแตกต่างกันไป ตามโครงสร้างของใบหน้า และเชื้อชาติ เพราะแต่ละเชื้อชาติอาจมีเอกลักษณ์ทางโครงสร้างของจมูกและใบหน้า
e-PTFE คืออะไร? แล้วทำไมใช้ e-PTFE ผ่าตัดเสริมจมูก ?
e-PTFE หรือที่รู้จักกันในนามของ Gore-Tex® เป็นวัสดุทางการแพทย์ที่ใช้มานานกว่า 30 ปี ทำจากโพลีเตตราฟลูออโรเอทิลีน (polytetrafluoroethylene)
วีดีโอรีวิว การศัลยกรรมจมูกที่โรงพยาบาลกมล
เสริมจมูกที่ไหนดี มาทำจมูกที่โรงพยาบาลศัลยกรรมกมล
- ได้รูปทรงจมูกสวยงาม เป็นธรรมชาติ ช่วยเสริมบุคลิกและความมั่นใจให้ผู้ที่ทำศัลยกรรมจมูก
- จมูกมีขนาดและรูปทรง รับกับใบหน้าและบุคลิกของแต่ละคน เช่นคนที่มีใบหน้าใหญ่และกว้าง จมูกก็จะค่อนข้างกว้างไม่แหลม ไม่ดูประหลาด บางคนจมูกหักมากก็สามารถปรับให้โด่งและรับกับความโค้งของหน้าผากได้ดี บางท่านเป็นนักแสดงก็อาจจะมีรูปทรงที่โดดเด่นเป็นพิเศษ
- แพทย์มีประสบการณ์ความชำนาญในการศัลยกรรมจมูก ปรับแต่งแก้ไขจมูก ได้หลากหลายเชื้อชาติ เป็นที่ยอมรับของคนทั่วโลก
- ที่โรงพยาบาลศัลยกรรมตกแต่งกมล ทำศัลยกรรมจมูกด้วยแพทย์เฉพาะทางศัลยกรรมตกแต่งที่มีประสบการณ์เท่านั้น
- ใช้ระยะเวลาในการพักฟื้นน้อยหลังจากทำศัลยกรรมจมูก
- มีความเสี่ยงและภาวะแทรกรซ้อนหลังทำศัลยกรรมจมูกต่ำมาก
- วัสดุที่ใช้สำหรับเสริมจมูกได้รับการรับรองตามมาตรฐานสากล
- วัสดุที่ใช้ทำจมูก แพทย์จะเป็นผู้ออกแบบและปรับแต่งให้เหมาะกับใบหน้าของแต่ละบุคคลเท่านั้น ไม่ใช้ซิลิโคนสำเร็จรูปในการทำจมูก เพราะเราเชื่อมั่นว่าทุกคนมีโครงสร้างเฉพาะไม่เหมือนกัน ไม่สมควรถูกยัดเยียดให้ใช้ซิลิโคนสำเร็จรูปแบบเดียวกัน
- มีเครื่องมือแพทย์ที่เพียบพร้อม ทันสมัย พรัอมรับการทำศัลยกรรมจมูกที่หลากหลายรูปแบบ
- เนื่องจากเป็นสถานพยาบาล ประเภทโรงพยาบาล จึงมีห้องผ่าตัดที่สามารถดมยาสลบได้ สามารถทำการผ่าตัดปรับโครงสร้างกระดูกจมูก ที่ใหญ่มาก สูงมาก กว้างมาก หรือมีสันจมูก (ฮัมพ์) ที่สูง ให้ได้ขนาดที่เล็กลง ซึ่งจะต้องทำการผ่าตัดภายใต้การดมยาสลบเท่านั้น
- มีวิสัญญีแพทย์ตลอดระยะเวลาการทำการผ่าตัดทำจมูก เคสต่อเคส ไม่ใช้พยาบาลดมยาสลบ ตามมาตรฐานสากล
- เป็นโรงพยาบาลศัลยกรรมที่ได้มาตรฐานโลก รับรองโดย JCI สหรัฐอเมริกา
- หลังการผ่าตัดมีห้องพักฟื้น มีพยาบาลวิสัญญีดูแลจนปลอดภัยถึงจะกลับห้องพัก หรือกลับบ้านได้
- สถานที่สะอาด ปลอดภัย กว้างขวาง สามารถรักษา social distancing ได้ดี มีมาตรฐานในการป้องกันการติดเชื้อและการระบาดของโรคทางเดินหายใจ เช่น COVID 19 ได้เป็นอย่างดี มีคัดกรองผู้ป่วยและมีห้องแยกผู้ป่วยแบบ Negative pressure จึงมั่นใจได้ว่าทางโรงพยาบาลศัลยกรรมตกแต่งกมล สะอาด และปลอดภัย